เมนู

อรรถกถารูปธาตุยา อายตนกถา



ว่าด้วย อายตนะในรูปธาตุ



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องอายตะในรูปธาตุ. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมี
ความเห็นผิดดุจลัทธิของนิกายอันธกะและสมิติยะทั้งหลายว่า อัตภาพ
ของหมู่พรหมเหล่านั้นมีอายตนะครบทั้ง 6 เพราะอาศัยพระสูตรว่า
พวกพรหมที่มีรูป มีความสำเร็จได้ด้วยใจ มีอวัยวะน้อยใหญ่ทั้งปวง มี
อินทรีย์อันไม่บกพร่อง คือมีอัตภาพสมบูรณ์ ดังนี้ จึงสำคัญว่า แม้ฆานนิมิต
คือรูปร่างของจมูก ของพวกพรหมเหล่านั้นว่า เป็นอายตนะเทียว คือ
หมายความว่าเป็นฆานายตนะนั่นแหละ ดังนี้ คำถามของสกวาทีว่า
อัตภาพ ของพวกพรหม มีอายตนะทั้ง 6 โดยหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบ
รับรองเป็นของปรวาทีด้วยสามารถแห่งลัทธิ. ทีนั้น สกวาทีเพื่อจะท้วง
ด้วยสามารถแห่งอายตนะที่ไม่มีอยู่ในพวกพรหมนั้น จึงเริ่มกล่าวกะ
ปรวาทีนั้นว่า ในรูปธาตุนั้น มีฆานายตนะหรือ เป็นต้น ลำดับนั้น
ปรวาทีก็ตอบรับรองด้วยลัทธิว่า สัณฐานนิมิตของอายตนะทั้ง 3 คือ
ฆานายตนะ ชิวหายตนะ กายายตนะ ที่เป็นภายใน มีฆานายตนะเป็นต้น
อันใดมีอยู่ในรูปธาตุนั้น สัณฐานนิมิตนั้นนั่นแหละเป็นอายตนะ ดังนี้.
ถูกถามด้วยสามารถแห่งคันธายตนะเป็นต้นซึ่งเป็นของภายนอก ปรวาที
เมื่อเสพคุ้นอยู่ซึ่งอารมณ์แห่งฆานายตนะเป็นต้นนั้นจึงไม่ปรารถนา
ฆานปสาทเป็นต้นในรูปธาตุนั้น เพราะฉะนั้น จึงตอบปฏิเสธ. ในปัญหา
ปฏิโลมและปัญหาว่าด้วยการเปรียบเทียบทั้งหลาย บัณฑิตพึงทราบเนื้อ
ความโดยอุบายนี้แหละ.

คำว่า ในรูปธาตุนั้น มีฆานายตนะ มีคันธายตนะ และสูดกลิ่น
นั้นด้วย ฆานะนั้นหรือ
ดังนี้ สกวาทีกล่าวหมายถึงอาจารย์บางพวกใน
ลัทธิอื่นเท่านั้น. ได้ยินว่า อาจารย์บางพวกเหล่านั้นมีความสำคัญว่า ใน
รูปธาตุนั้นมีอายตนะภายในครบทั้ง 6 บริบูรณ์ แต่ชื่อว่าอายตนะก็พึง
ทำกิจของตน คือรับอารมณ์ได้ตามหน้าที่ เพราะฉะนั้น อายตนะเหล่านั้น
จึงสูดกลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องซึ่งกลิ่นเป็นต้นเหล่านั้น ด้วยฆานะเป็นต้น
เหล่านั้น ดังนี้. ปรวาทีอาศัยลัทธินั้น จึงตอบรับรองว่า ใช่. ก็ถูกถาม
คำว่า ในรูปธาตุนั้น มีกลิ่นเกิดแต่รากไม้ ดังนี้ เป็นต้น ปรวาทีเมื่อไม่
อาจยังความเป็นอายตนะภายนอกให้ปรากฏได้ จึงตอบปฏิเสธ. คำว่า
ในรูปธาตุนั้นมีฆานนิมิตมิใช่หรือ เป็นต้น คำนั้นสำเร็จแต่เพียงเป็น
รูปร่างสัณฐานเท่านั้น หาได้สำเร็จเป็นอายตนะไม่ เพราะฉะนั้น คำนั้น
แม้ท่านปรวาทีนำมาตั้งเป็นลัทธิไว้แล้วก็เหมือนมิได้นำมา ดังนี้แล.
อรรถกถารูปธาตุยา อายตนกถา จบ

อรูเป รูปกถา



[1235] สกวาที รูปมีอยู่ในอรูปสัตว์ทั้งหลาย หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ป. เป็นรูปภพ เป็นรูปคติ เป็นไปสัตตาวาส เป็นรูป
สงสาร เป็นกำเนิดแห่งรูปสัตว์ เป็นการได้อัตภาพแห่งรูปสัตว์ หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ป. อรูปภพ เป็นอรูปคติ อรูปสัตตาวาส อรูปสงสาร
เป็นกำเนิดแห่งอรูปสัตว์ เป็นการได้อัตภาพแห่งอรูปสัตว์ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า เป็นอรูปภพ ฯลฯ เป็นการได้อัตภาพแห่ง
อรูปสัตว์ ก็ไม่พึงกล่าวว่า รูปมีอยู่ในอรูปสัตว์ทั้งหลาย.
[1236] ส. รูปมีอยู่ในอรูปสัตว์ทั้งหลาย หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นภพ คติ สัตตาวาส สงสาร กำเนิด วิญญาณฐิติ
การได้อัตภาพแห่งสัตว์มีขันธ์ 5 หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. เป็นภพ ฯลฯ การได้อัตภาพแห่งสัตว์มีขันธ์ 4 มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า เป็นภพ คติ ฯลฯ การได้อัตภาพแห่งสัตว์มี
ขันธ์ 4 ก็ไม่พึงกล่าวว่า รูปมีอยู่ในอรูปสัตว์ทั้งหลาย.
[1237] ส. รูปมีอยู่ในรูปธาตุ และรูปธาตุนั้น เป็นรูปภพ เป็น
รูปคติ เป็นรูปสัตตาวาส เป็นรูปสงสาร เป็นกำเนิดแห่งรูปสัตว์ เป็นการ